วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

กระต่ายไทย


เริ่มแรกเลย มีการนำเข้ากระต่ายขนยาว จากต่างประเทศ อย่าง English Angora ได้ถูกนำเข้ามาโดยฟาร์มเก่าๆ ในไทย แล้วนำมาผสมกับกระต่ายไทยค่ะ เพื่อลดต้นทุน และ พัฒนาให้เกิดกระต่ายพันธุ์ขนยาวขึ้น ในระยะแรกสุด ได้มีกระต่ายพันธุ์ เจอรี่ วู๊ดดี้ ออกมาก่อน แต่ยังไม่ค่อยจะสวย เพราะที่ตัวขนยาว แต่ที่หน้าขนจะไม่ค่อยยาว จะมีกระต่ายหน้าตาแปลกๆหลุดฟอร์มออกมาขายเยอะ เพื่อนๆ หลายๆคนคงจะเคยเห็น ที่เป็นกระต่ายที่บางคนเรียกว่า เสื้อกั๊ก คือ กระต่ายที่ขนตรงหลังสั้น มีขนรอบๆยาวเป็นชายกระโปรง คือยาวไม่เสมอกันทั้งตัว คล้ายกระดองเต่า หรือที่มาตั้งชื่อกันเอง เพื่อให้ขายง่ายว่า กระต่ายเปอร์เซีย เกิดจากการผสมที่มีเชื้อกระต่ายไทยมากเกินไป และก็ด้วยเหตุที่คนไทยชอบกระต่ายขนยาวๆ แต่ตัวเล็กๆ กระต่ายที่พัฒนาขึ้นรุ่นหลังๆ จะเน้นที่จุดนี้ จึงพัฒนาตามมาด้วยกระต่ายที่เล็กลง และขนยาวเสมอกันมากขึ้นคือ Teddy Bear ที่มีขนาดเล็กลง และ Woody Toyซึ่งเล็กที่สุดในบรรดากระต่ายที่พัฒนาสายพันธุ์ขึ้นในไทยตามลำดับ

ลักษณะโดยทั่วไป
    

กระต่ายที่สุขภาพดีจะต้องร่าเริง ตื่นตัว และดูแลทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอ 
กระต่ายที่เป็นโรคจะเก็บตัวนอนนิ่ง ๆไม่ค่อยวิ่งซุกซน มีอาการซึม

1.กระต่ายไทย
        เป็นกระต่ายพื้นบ้านของประเทศไทยคับ ลักษณะตัวใหญ่มีหลากหลายสีว่องไวปราดเปรียวหูยาว 
หน้าค่อนข้างจะกลมมีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงสามารถกระโดดได้สูง




2. เจอรี่ วู๊ดดี้ (Jerry Woody)
         ชื่อของเจอรี่ วู๊ดดี้ นั้นค่อนข้างสร้างความสับสนให้กับผู้เลี้ยง เป็นอันมากเนื่องจากไปฟังแล้วคล้ายกับ 
Jerry Wooly (เจอรี่ วูลลี่) ของต่างประเทศอันที่จริงแล้วเป็นคนละพันธุ์กัน เจอรี่ วู๊ดดี้ 
จะลักษณะคล้ายกับ Teddy แต่ว่า ขนที่หน้าจะสั้นกว่าเล็กน้อยและขนาดเมื่อโตเต็มที่ ตัวจะใหญ่กว่า




3. Teddy Bear
       Teddy หรือ Teddy Bear เป็นกระต่ายที่เป็นลูกผสมเช่นกันและได้พัฒนาสายพันธุ์กันมาต่อจาก เจอรี่ วู๊ดดี้ จนค่อนข้างนิ่งในเมืองไทยกระต่ายพันธุ์นี้ จะนิยมเลี้ยงกันมาก เพราะว่า รูปร่างน่ารัก ตัวจะกลมฟูขนจะฟูยาวประมาณ 4-5 นิ้ว




4. วู๊ดดี้ ทอย (Woody Toy)
       กระต่ายพันธุ์วูดดี้ ทอย นี้จะคล้ายกับ Teddy Bear มากเพราะว่า พัฒนาสายพันธุ์ต่อจาก Teddy Bear โดยทำให้มีขนาดเล็กลงไปอีก มองแล้วคล้ายกับเอา Teddy Bear มาหดให้เล็กลงเพราะว่าหน้าตาคล้ายกับ Teddy Bear เลยลักษณะคือ หน้าตาจะเหมือน Teddy Bear เลยแต่หูจะสั้นกว่ามองเห็นคล้ายรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าและเมื่อโตเต็มที่แล้วตัวจะเล็กกว่า Teddy Bear







อ้างถึง...... http://lovelyrabbit.som.tripod.com/thairabbit/thairabbit.html

การเลือกซื้อกระต่าย



สถานที่ขาย
          เบื้องต้นต้องดูเรื่องของความสะอาด หากเป็นร้านจำหน่ายทั่วไปดูได้จากการจัดการร้าน ควรจะสะอาด กระต่ายในร้านควรมีสุขภาพดี มีความตื่นตัวสูง หากเป็นฟาร์ม โรงเรือนต้องถูกสุขลักษณะ มีการจัดการเรื่องของสุขาภิบาลอย่างถูกต้อง กระต่ายในฟาร์มต้องสมบูรณ์ไม่มีตัวใดตัวหนึ่งเป็นโรค เพราะฟาร์มนั้นเลี้ยงกระต่ายร่วมกันมากมายหากตัวใดเป็นโรค โอกาสในการแพร่เชื้อจะสูงตามไปด้วย ควรซื้อกระต่ายจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และต้องมีการรับประกันสุขภาพ เช่น ใบรับรองสุขภาพ รวมทั้งต้องมี ใบเพ็ดดีกรีด้วย ซึ่งจะต้องบอกรายละเอียด วันเดือนปีเกิดของตัวกระต่ายเอง รวมถึง รายละเอียดของพ่อแม่ปู่ย่าตายาย 3 รุ่นขึ้นไป




สุขภาพ

ตา
    ดวงตากระต่ายต้องสดใส ปราศจากขี้ตา มองดูสีตาต้องถูกต้องตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์และสีตัว ไม่มีโรคเกี่ยวกับสายตา เช่น ต้อกระจก ผิวหนังรอบ ดวงตาต้องไม่เป็นสะเก็ดหรือร่องรอยบาดแผล รวมทั้งไม่มีเชื้อรารอบดวงตาด้วย

จมูก
      โพรงจมูกกระต่ายต้องปกติ ไม่มีร่องรอยของอาการหวัด เช่นมีน้ำมูกเกรอะกรังปกติจมูกกระต่าย 

จะมีลักษณะที่เปียกนิดหน่อยแต่ไม่ควรชื้นแฉะเพราะนั่นคืออาการของไข้หวัด

ปาก ฟัน 
    สิ่งสำคัญที่จะต้องดูเป็นพิเศษก็คือ ปากและฟัน เปิดปากกระต่ายเพื่อตรวจดูฟันซี่หน้า ต้องสบกันพอดี
ฟันหน้าคู่บนต้องอยู่ด้านหน้าของฟันหน้า
คู่ล่างเล็กน้อย 
แต่ต้องไม่มีอาการเอียง เก ยื่น บิดเบี้ยวหรือแตกหักการตรวจฟันกระต่ายสำคัญมากเพราะกระต่ายอายุน้อยจะยังไม่แสดงอาการไม่พึงประสงค์
หรือโรคทางพันธุกรรมออกมาแต่เมื่อคุณเลี้ยง ๆไป อาการเหล่านี้จะค่อยๆแสดงออกมาและจะกลายเป็นฝันร้ายสำหรับคุณไปตลอด
เพราะการดูแลกระต่ายที่มีฟันผิดปกติเป็นภาระที่หนักหนาสาหัสมากคุณต้องตัดฟันกระต่ายเอง
หรือให้สัตวแพทย์ตัดให้ทุก 2 สัปดาห์เพราะกระต่ายที่เป็นโรคฟันยื่นจะทานอาหารได้ลำบากมาก


หู
   ตรวจดูใบหูต้องสะอาด มองดูในรูหูต้องไม่มีขี้หูอุดตัน เพราะอาจเป็นรังของตัวเห็บไรได้

เท้า
ตรวจ
    สูงเท้าทั้ง 2 คู่ ต้องเดินและกระโดดเป็นปกติ ไม่มีอาการแบะหรือถ่างขนใต้เท้าคู่หลัง
ทั้งสองข้างต้องหนาและไม่มีแผลบริเวณใต้เท้า


เล็บ
    เล็บเท้าต้องมีครบทุกนิ้ว กระต่ายมีนิ้วทั้งหมด 18 นิ้ว 

ขาหน้ามีข้างละ 5 นิ้วในขณะที่ขาหลังมีข้างละ 4 นิ้วเท่านั้น 
สีของเล็บต้องถูกต้องตามสายพันธุ์ หนังหุ้มเล็บต้องไม่ตกสะเก็ดเป็นแผลหรือเป็นเชื้อราหรืออักเสบเป็นผื่นคัน


ขน
     กระต่ายสุขภาพดีต้องมีขนเป็นมันสลวยไม่หยาบกร้านหรือหลุดร่วงง่าย

สังเกตุจากความแน่นหนาของขนสีสันต้องชัดเจนผิวหนังใต้ขนต้องไม่มีสะเก็ดแผลผื่นคัน
หรือแข็งกระด้างคุณสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองใช้มือลูบขนเพื่อตรวจสอบผิวหนังใต้ขนในจุดต่างๆ 
ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งหากคุณกำลังจะซื้อกระต่ายสายพันธุ์ที่มีขนยาวขนที่ยาวนั้นสามารถซ่อนสิ่งต่าง ๆ ไว้ได้มากมาย

 อาหารกระต่าย 
อาหารมีความส่าคัญต่อการเลี้ยงกระต่ายอย่างยิ่งเพราะต้นทุนในการเลี้ยงกระะต่าย มากกว่าครึ่งหนึ่งใช้เป็นค่าอาหาร การที่จะเลี้ยงกระต่ายให้เติบโตเร็ว มีสุขภาพดีและให้ ผลผลิตสูงจำเป็นจะต้องเลี้ยงด้วยอาหารที่เหมาะสม และมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของกระต่าย อาหารที่ใช้เลี้ยงกระต่ายแบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้


         1. อาหารหยาบ (Roughage) หมายถึงอาหารที่มีโภชนะย่อยได้ต่ำ มีเยี่อใยสูง ซึ่งหมายถึงอาหารที่กินเข้าไป และเหลือกากขับถ่ายออกมาเป็นของเสียมาก ส่วนใหญ่ได้มาจากลำต้น และใบของพืช ตระกูลหญ้า และพืชตระกูลถั่ว เช่น หญ้าเนเปียร์ หญ้าขน หญ้ากินนี กระถิน ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วชีราโต ถั่วไกลซีน ถั่วเทาสวิลสไลโล เป็นต้น หรืออาจจะใช้ต้น พืชผักชนิดต่างๆ เช่น ผักบุ้ง ผักโขม ผักกาด คะน้า กะหล่ำปลี แครอท ผักกาดหอม หัวผักกาด มันเทศ มันแกว ฯลฯ เลี้ยงกระต่ายก็ได้
อาหารหยาบประเภทใบพืช ผัก หญ้า ควรให้กินเต็มที่ กระต่ายชอบหญ้าสด ผักสด มากกว่าตากแห้ง แต่หญ้าแห้งก็อาจใช้ได้ แต่ควรเป็นหญ้าที่อยู่ในระยะยังอ่อน ตากแห้งสะอาดไม่มีรา ไม่สกปรก ไม่มียาฆ่าแมลง ดวรหั่นเป็นท่อน ๆให้ยาวพอควร 

        2. อาหารข้น (Concentrate) แม้ว่ากระต่ายจะสามารถยังชีพและขยายพันธุ์ตามปกติธรรมชาติ โดยอาศัย อาหารประเภทต้นหญ้า ใบพืชได้ก็ตาม แต่หากเราต้องการให้มันเจริญเติบโต ให้ผลิตผลเร็ว ให้เนื้อมาก ให้ขยายพันธุ์มีลูกดก ได้ลูกปีละหลายตัว เราจะต้องเลี้ยงดูให้ดี โดยมีอาหารข้น (Concentrates) เพิ่มเสริมให้ด้วย อาหารขันนี้เป็นอาหารที่มีโภชนะย่อยได้สูง มีเยื่อใยต่ำ ย่อยง่าย ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ 
- อาหารที่เป็นแหล่งพลังงาน คืออาหารที่มีแป้ง และน้ำตาล (คาร์ไบ ไฮเดรต) หรือไขมันสูง ได้แก่ รำ ปลายข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง มันเสน และไขมัน จากพืชหรือสัตว์
- อาหารที่เป็นแหล่งโปรตีน ได้แก่ นมผง ปลาป่น กากถั่วเหลือง กากถั่วลิสง และใบกระถินป่น
ส่าหรับอาหารข้นควรเสริมให้กินในตอนบ่าย กระต่ายที่ไม่ได้เสริมด้ยอาหารข้น ควรมีแร่ธาตุประกอบด้วย เกลือ กระดูกป่น และเปลือกหอยบดอย่างละเท่า ๆ กัน ผสมให้เข้ากัน ตั้งให้กินตามชอบ อาหารป่นที่แห้งอาจผสมน้ำเล็กน้อยพอชื้น เพื่อสะดวกใน การกินและจะช่วยมิให้ร่วงหล่นเสียหาย
       3. อาหารส่าเร็จรูป (Complete feed) เกิดจากการนำอาหารข้นและอาหารหยาบมารวมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม มีสภาพเป็นผงหรืออัดเป็นเม็ด นำมาใช้เลี้ยงกระต่ายได้สะดวก กระต่ายที่เลี้ยงด้วยอาหาร สำเร็จรูปเพียงอย่างเดียวในปริมาณที่เพียงพอจะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่ในการ เลี่ยงโดยทั่วไปนิยมเสริมหญ้าสด เพื่อลดต้นทุนและควรให้หญ้าหลังจากที่กระต่ายกินอาหาร สำเร็จรูปในปริมาณมากพอสมควร เพื่อให้กระต่ายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ  

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การเลี้ยงกระต่าย


การดูแลกระต่าย
          การดูแลกระต่ายไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นงานที่ต้องทำเป็นกิจวัตร ทุกวัน ทุกสัปดาห์ และทุกเดือน การเลี้ยงกระต่ายนั้นสำคัญที่ทุกๆสิ่งต้องสดและสะอาด เราอาจจัดแบ่งลักษณะงานที่ต้องทำให้กระต่ายไว้เพื่อง่ายต่อการปฏิบัติดังนี้

 ทุกวัน
- ตรวจสอบสุขภาพกระต่ายประจำวัน สังเกตุการนั่ง เดิน ยืน ตรวจเล็บ สุขภาพขน และสุขภาพหู
- ปล่อยกระต่ายวิ่งเล่น เราอาจกั้นพื้นที่บางส่วนไว้ให้กระต่ายได้ออกกำลังกายในช่วงที่เราทำความสะอาดกรงของกระต่ายในตอนเช้า-เย็น (แล้วแต่ความสะดวกของผู้เลี้ยง)
- เก็บเศษผักสด ผลไม้เก่าที่กระต่ายทานไม่หมดทิ้ง เพราะเศษอาหารที่เหลือตกค้างนี้ หากกระต่ายทานเข้าไปอีกอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
- เก็บเศษอาหารเม็ดเก่าทิ้ง เพราะอาหารเม็ดที่เหลือเหล่านี้จะเกิดการบวมชื้น กระต่ายจะไม่ทานส่วนที่เหลือ ดังนั้นในแต่ละมื้ออาหารควรกำหนดปริมาณอาหารเม็ดให้พอดีสำหรับ 1 มื้อเสมอ
- เก็บเศษหญ้าสด/หญ้าแห้งทิ้ง เศษหญ้าเหล่าเมื่อทิ้งไว้ในกรงอาจเกิดการขึ้นราหรือปนเปื้อนกับมูลหรือฉี่กระต่าย
- ทำความสะอาดถาดรองกรง
- เทน้ำเก่าในขวดน้ำทิ้ง แล้วเติมน้ำสะอาดให้เต็ม
- ให้อาหารเม็ด หญ้าสด/หญ้าแห้ง หรือผักสด/ผลไม้ โดยกะปริมาณอาหารให้กระต่ายทานหมดใน 1 มื้อ
         
 ทุกสัปดาห์
-
 ล้างทำความสะอาดขวดน้ำ กระถางใส่อาหาร ที่แขวนหญ้า ด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อผสมเจือจาง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ต้องมั่นใจว่าไม่มีสารตกค้างหลงเหลือก่อนนำกลับไปใช้เลี้ยงกระต่ายอีกครั้ง
- ทำความสะอาดถาดรองกรง และตากแดดให้แห้งสนิท

ทุกเดือน
-
 ทำความสะอาดกรง ถาดรองกรง พื้นใต้กรง ผนังกำแพง ในบริเวณที่ใช้เลี้ยงกระต่าย ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อผสมเจือจาง แล้วล้างออกให้สะอาดก่อนนำกระต่ายกลับเข้ากรง
- ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้เลี้ยงกระต่ายทั้งหมด รวมทั้งของเล่นของกระต่าย


อุปกรณ์ในการเลี้ยง

กรง Cage แบบเลี้ยงในบ้าน 
       
   การเลี้ยงในบ้านนั้นแบ่งออกเป็น 2ประเภทคือเลี้ยงแบบขังกรง และ แบบปล่อยอิสรอิสระ
ควรดูเรื่องของพื้นที่ในบ้าน
เป็นหลักในการพิจารณาว่าควรเลี้ยงแบบขังกรงหรือแบบปล่อยอิสระ เนื่องจากกระต่ายเป็นสัตว์ฟันแทะที่กัดแทะทุกสิ่งที่ขวางหน้า
การเลี้ยงแบบปล่อยอิสระเสี่ยงอย่างมากกับความเสียหายต่างๆของเฟอร์นิเจอร์ สายไฟฟ้าสายโทรศัพท์ พรม
อีกทั้งต้องดูเรื่องของความปล่อยภัยจากสิ่งสกปรกที่ตกอยู่ตามพื้นเมื่อปล่อยกระต่ายด้วยดั้งนั้นการเลี้ยงด้วยวิธีขังกรง
แล้วปล่อยวิ่งเล่นเป็นบางครั้งจะเป็นทางเลือกที่ดีและแก้ไขปัญหาต่างๆนี้ได้ อีกทั้งยังทำให้กระต่ายฉี่หรือถ่ายเป็นที่เป็นทางอีกด้วย 
          กรงชนิดที่ใช้เลี้ยงในบ้านนั้นควรเลือกกรงที่ดูแลง่ายวัสดุทำจากลวดหรือสแตนเลส 
ไม่ควรเลือกใช้วัสดุที่มีการหุ้มพลาสติก เพราะกระต่ายจะกัดแทะวัสดุจนอาจเกิดอันตรายต่อกระกระต่ายได้ 
ถาดรองควรเป็นพลาสติกแข็งเพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด การเลี้ยงกระต่ายในบ้านนั้นจะต้องทำความสะอาดกรง 
ถาดรองทุก ๆ วัน

แบบเลี้ยงนอกบ้าน
        กรงชนิดที่ใช้เลี้ยงนอกบ้านนั้นควรออกแบบให้เหมาะสม
กับสภาพภูมิอากาศที่ใช้ตั้งกรงไม่ควรโดนฝนสาด 
หรือโดนแสงแดดส่องโดยตรงกรงชนิดนี้อาจสั่งทำขึ้นเองเป็นกรงไม้เนื้อแข็ง หรือถ้าหากวางกรงไว้ในที่ที่มีหลังคาป้องกันฝนอย่างดี
แล้วก็ไม่จำเป็น ใช้กรงแบบไม้ ใช้กรงสำหรับการเลี้ยงกระต่ายในบ้านตั้งแทนได้แต่สิ่งที่ควรระวังคือ 
ฤดูหนาวอากาศจะหนาวเย็นกว่าฤดูร้อน ซึ่งการวางกรงไว้ในพื้นที่ที่มีลมโกรกอาจทำให้กระต่ายล้มป่วยได้

กรงใช้สำหรับเคลื่อนย้ายกระต่าย
       
   กรงชนิดนี้ใช้สำหรับการเคลื่อนย้ายกระต่ายเท่านั้นไม่เหมาะสมที่จะใช้เลี้ยงกระต่ายแบบถาวร
ควรมีเตรียมไว้สำหรับกรณีต้องเคลื่อนย้ายกระต่ายทั้งในกรณีฉุกเฉินหรือเมื่อกระต่ายต้องเดินทาง


ขวดน้ำแบบแขวน 
         
  กระต่ายจำเป็นต้องได้รับน้ำสะอาดทุก ๆ วัน ขวดน้ำแบบแขวนข้างกรงนี้เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงกระต่าย เพราะดูแลทำความสะอาดได้ง่าย กระต่ายจะดูดน้ำจากฝาจุก 
ทำให้ไม่เลอะเทอะ หากคุณเลี้ยงกระต่ายสายพันธุ์ขนยาว นี่คืออุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ เพราะการให้น้ำกระต่ายด้วยภาชนะอื่น จะทำให้ขนของกระต่ายสัมผัสกับน้ำ แล้วขนพันกันทั่วทั้งตัว

กระถางใส่อาหาร 
          กระถางใส่อาหารเม็ด ควรเลือกวัสดุที่ทำจาก เซรามิค หรือ กระเบื้องดินเผา เพราะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก กระต่ายจะไม่สามารถคว่ำกระถางอาหารเล่นได
ที่แขวนหญ้าข้างกรง
          ใช้สำหรับแขวนหญ้าแห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เศษหญ้าหล่นลงเปรอะเปื้อนฉี่กระต่ายใต้พื้นกรง และไม่หล่นเลอะเทอะไปทั่วกรง
รังคลอด 
         
  รังคลอดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแม่กระต่ายตั้งท้องอาจสร้างขึ้นเองโดยใช้ไม้โดยพื้นด้านล่างกรุด้วยตาข่ายช่องเล็ก ๆ เพื่อช่วทิ้งไว้ให้แม่กระต่ายทำรังคลอดก่อนกำหนดคลอดสัก 5 วันหรือประมาณวันที่ 25 ของการตั้งครรภยในการระบายอากาศ ฉี่และมูลของกระต่าย หากไม่สะดวกสามารถใช้ตะกร้าพลาสติกขนาดใหญ่กว่าแม่กระต่ายสักเล็กน้อย
สายรัดอก
      
    ใช้สำหรับพากระต่ายไปเที่ยวนอกบ้าน สำคัญมากเมื่อคุณต้องพากระต่ายเดินทาง หรือพาไปเดินเล่นสวนสาธารณะ ควรเลือกแบบที่ใช้รัดอก ขนาดให้เหมาะสมกับรูปร่างของกระต่ายต้องไม่แน่นและไม่หลวมเกินไป กระชับพอด
หวี แปรง 
         
 สำหรับการดูแลขนกระต่ายนั้นมีแปรงให้เลือกหลากหลาย กระต่ายขนสั้นต้องการการแปรงขนน้อยกว่ากระต่ายขนยาว การเลือกอุปกรณ์สำหรับแปรงขนกระต่ายควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะขนของกระต่ายเป็นหลัก วัสดุที่ทำจากพลาสติกจะไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังกระต่าย
กรรไกรตัดเล็บ 
         
 กระต่ายเป็นสัตว์ที่มีเล็บแหลมคม เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากขึ้นจากการอุ้ม ต้องหมั่นตัดเล็บกระต่ายอย่างสม่ำเสมอ ใช้กรรไกรตัดเล็บสำหรับสัตว์ขนาดเล็ก ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านเพทชอปทั่วไป
ของเล่นสำหรับกระต่าย 
        
  ของเล่นสำหรับกระต่ายนั้นมีมากมาย โพรงกระต่ายก็เป็นสิ่งที่กระต่ายชอบมาก กระต่ายส่วนใหญ่จะใช้เวลามุดเล่นหรือเข้าไปไปนอนในโพรงไม้โพรงไม้ที่เราอาจสร้างขึ้นได้เองอย่างง่าย ๆ กระต่ายจะได้ออกกำลังกระโดดขึ้น-ลงบนโพรงไม้อย่างสนุกสนาน แกนกระดาษทิชชู่ก็เป็นสิ่งที่สนุกสนานสำหรับกระต่ายรุ่นที่ซุกซน เศษไม้เก่า ๆ (ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 3 ปี) ก็สามารถทิ้งไว้ให้กระต่ายได้ใช้แทะเล่น แต่ต้องมั่นใจว่าสะอาดและและปลอดภัยสำหรับกระต่าย

การสืบพันธุ์ของกระต่าย


อายุของกระต่ายที่พร้อมแก่การผสมพันธุ์ 
          กระต่ายเพศเมียจะเริ่มยอมรับการผสมพันธุ์ ตั่งแต่อายุประมาณ 3 เดือนครึ่ง ซึ่งทั้งนี้ % ของการผสมติดจะมีน้อยกว่า กระต่ายที่
มีอายุประมาร 4 เดือน - 4 เดือนครึ่ง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของกระต่ายด้วยเพราะ กระต่ายสายพันธุ์ธรรมดากับกระต่ายสายพันธุ์แคระ จะมีการเจริญเติบโตเต็มวัยไม่พร้อมกันซึ่งทางที่ดีเราควรให้กระต่ายของเรานั้น เริ่มการผสมพันธุ์ ตั่งแต่อายุประมาร 6-8 เดือนขึ้นไปซึ่งกระต่ายที่ได้รับการผสมในช่วง 3-4 เดือนแรก จะมี% การผสมติดจน้อยครับ และ ถ้าเกิดการผสมติด 
ลูกกระต่ายที่คลอดออกมานั้นอาจจะไม่แข็งแรง หรือแม่กระต่ายนั้นอาจจะมีน้ำนมไม่เพียงพอกับลูกกระต่ายและอาจจะทำให้ลูกกระต่ายที่เกิดมานั้นตายได้ ซึ่งลูกกระต่ายที่เกิดจากแม่กระต่ายในช่วงอายุดังกล่าว มี % การตาย สูงการที่แม่กระต่ายท้องก่อน หรือ มีลูก ในช่วงผสมติด 3 - 4 เดือนแรกเมื่อแม่กระต่ายคลอดอกมา อาจจะทำให้การเจริญเติบโตของ กระต่ายนั้น หยุด หรือ ช้าลงไปดังนั้นจึงอาจจะทำให้กระต่ายนั้นโตไม่ได้เต็มที่

ระยะของการตั้งท้องของกระต่าย 
          กระต่ายในแต่ละสายพันธุ์ และ ในแต่ละ ตัว แต่ละคลอกนั้นจะใช้เวลาในการในการตั้งท้องไม่เท่ากันนอกจากนี่ก็จะขึ้นอยู่กับ ความสมบูรณ์ สภาพแวดล้อม และ จำนวนลูกของแม่กระต่ายด้วย โดยกระต่ายที่มีลูกมากก็จะมีระยะ ของการตั้งท้องสั้นกว่ากระต่ายที่มีจำนวน ลูกน้อยกว่าซึ่ง หลังจากกระต่ายตัวเมียได้รับการผสมกับกระต่ายตัวผู้ กระต่ายตัวเมียที่ได้รับการผสมแล้วจะ ใช้เวลาในการตั้งท้อง โดยเฉลี่ยประมาณ 30 - 32 วัน ครับ และ กระต่ายบางตัวก็อาจจะใช้เวลาในการตั้งท้องเพียง 29 วัน หรือ มากกว่า 32 วัน แต่โดยปกติแล้วกระต่าย จะใช้เวลาในการตั้งท้องไม่ เกิน 35 วันในระยะที่กระต่ายใกล้คลอดกระต่าย ในระยะนี้ กระต่าย จะเริ่มมีการ สร้างรัง อาจจะ โดยการกัดขนของตัวเอง ในส่วนของบริเวณ ของ ส่วนท้อง ต้นขา และ เหนียงคอ เพื่อเอามาใช้มาเป็นวัสดุในการรองรังคลอด ซึ่งปริมาณ ของ ขน หรือ วัสดุที่ใช้สำหรับ รองรังคลอด ของกระต่าย จะมีมากหรือ น้อยก็ขึ้นอยู่กับ นิสัยของกระต่ายแต่ละตัวหรือจากสายพันธุ์ และ ประสบการณ์ของแม่กระต่าย


เตรียมรังคลอด
          ในกรงกระต่ายมีรังคลอดหรือที่จริงควรใส่ไว้ในตั้งแต่แม่กระต่ายยังไม่ออกลูกถ้ายังไม่ได้เตรียมไว้ ก็ควรจะรีบไปหามา แม่กระต่ายบางตัวจะเข้าไปออกในรังที่เราเตรียมไว้ให้ หลังจากแม่กระต่ายออกลูกแล้ว เค้า
จะเลียทำความสะอาดลูก ซึ่งหลังจากแม่กระต่ายทำความสะอาดลูกแล้ว เราก็สามารถเข้าไปตรวจดูได้ ว่ามีลูกกระต่ายตายบ้างหรือไม่ ถ้าพบว่าตายก็ควรจะเก็บออกเพราะว่าถ้าปล่อยไว้ อาจจะทำให้ฝูงมดมาค่ะ ทีนี้ลูกกระต่ายตัวอื่นๆจะโดนมดกัดตายตามไปด้วยแต่ถ้าแม่กระต่ายไม่ยอมออกในลูกรังคลอดที่เราเตรียมไว้ให้ เราก็สามารถจะจับลูกกระต่าย ไปไว้ในรังคลอดได้ การปล่อยลูกกระต่ายไว้นอกรังคลอดไม่ดีหรอก เพราะว่า ขาลูกกระต่าย หรือตัวลูกกระต่าย อาจจะตกลงไประหว่างซี่กรง และโดนแม่เหยียบตายได้ ซึ่งกระต่ายไม่มีปัญหาเรื่องการผิดกลิ่น เราสามารถจะจับลูกกระต่ายได้ แต่หากใครกลัวมากๆ จะเอามือไปถูๆที่ขนแม่กระต่ายก่อนค่อยมาจับลูกกระต่ายเพื่อความสบายใจ



จัดกรงให้ปลอดภัยแก่ลูกกระต่าย
          ในกรณีที่แม่กระต่ายไม่ยอมทึ้งขน แล้วอากาศค่อนข้างเย็นเนี่ย เราอาจจะช่วยลูกกระต่ายให้มีที่นอนนุ่มๆอุ่นๆได้
โดยไปหาสำลีแบบก้อนๆค่ะ ที่ขายตามโลตัสเป็นก้อนใหญ่ๆ เอามาปูในกรงก็ได้ลูกกระต่ายจะซุกตัวเข้าไปนอนเหมือนกับเป็นขนของแม่ค่ะ (กรณีที่ลูกกระต่ายที่แม่ไม่เลี้ยง ก็เอาสำลีมาปูได้ไม่ผิด)นอกจากนี้ ตามพื้นกรงที่เป็นซี่ๆ ลูกกระต่ายอาจจะตกลงไประหว่างซี่ หรือ ขาติดระหว่างซี่กรง แล้วโดนเหยียบได้ ซึ่งสามารถจะป้องกันได้ โดยการปูพื้นกรงด้วยหญ้าแห้งอาจจะเป็น หญ้าขนแห้งๆ หรือหญ้าแห้ง Timothy ที่ขายเป็นถุงๆก็ได้เพื่อปิดซี่ห่างของพื้นกรง ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความปลอดภัย แม่กระต่ายยังสามารถจะใช้รองนอนลูกกระต่ายก็ได้รับความอบอุ่น และแม่กระต่ายยังสามารถจะแทะหญ้าแห้งเหล่านี้กินได้อีกด้วย


กระต่ายแรกเกิด
          
ลูกกระต่าย แรกเกิด จะยังไม่ลืมตาค่ะ ตัวจะเป็นสีชมพูแป๊ด ไม่มีขน ตาจะยังไม่ลืมซึ่งเมื่อตอนกระต่ายแรกเกิดนั้น จะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ต้องให้แม่กระต่ายเลี้ยงเมื่อแม่กระต่ายคลอดลูก ออกมาแล้ว แม่กระต่าย จะเลียทำความสะอาดลูกทันทีเมื่อกระต่ายจะเข้ามาให้นมลูก ลูกกระต่ายจะดิ้นตะกายเข้ามาหานมของแม่กระต่าย โดยที่แม่กระต่ายจะยกตัวขึ้นเล็กน้อย และลูกกระต่าย จะนอนหงายดูดนมวิธีสังเกตง่ายๆว่าแม่กระต่ายเลี้ยงลูกหรือเปล่า ก็คือ ดูจากตรงท้องกระต่ายหากได้รับน้ำนมจากแม่อย่างเพียงพอท้องลูกกระต่ายจะเต่ง แต่ถ้าแม่กระต่ายไม่เลี้ยงลูก ท้องจะแฟบเหี่ยว